เพิ่มยอดจองด้วยกลยุทธ์การปรับราคาพูลวิลล่าตามฤดูกาล
- Decco develop
- 21 ม.ค.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 11 มี.ค.

การเพิ่มยอดจองด้วยกลยุทธ์การปรับราคาพูลวิลล่าตามฤดูกาลช่วยเพิ่มรายได้โดยการตั้งราคาที่เหมาะสมตามความต้องการในแต่ละช่วงเวลา เช่น การปรับราคาขึ้นในช่วง High Season และเสนอโปรโมชั่นในช่วง Low Season การใช้กลยุทธ์นี้สามารถดึงดูดลูกค้าและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจพูลวิลล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดราคาพูลวิลล่าตามฤดูกาล

การกำหนดราคาพูลวิลล่าตามฤดูกาลขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่มีผลต่ออุปสงค์และอุปทาน ซึ่งส่งผลต่อแนวทางการตั้งราคาเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดและเพิ่มรายได้สูงสุด การกำหนดราคาพูลวิลล่าที่ดีต้องอาศัยการวิเคราะห์ตลาดและพฤติกรรมลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ราคาที่แข่งขันได้และสร้างรายได้สูงสุดในแต่ละช่วงฤดูกาล
ฤดูกาลและสภาพอากาศ
High Season (ช่วงท่องเที่ยวสูงสุด) ช่วงที่มีสภาพอากาศดี เช่น หน้าหนาวในภาคเหนือและฤดูร้อนสำหรับทะเล มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทำให้อัตราการจองสูง ราคาพูลวิลล่าสามารถเพิ่มขึ้น 30-50%
Low Season (ช่วงที่มีความต้องการต่ำ) ฤดูฝนหรือช่วงที่ไม่มีเทศกาลสำคัญอัตราการเข้าพักลดลงทำให้ต้องลดราคา 20-50% หรือใช้โปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า
Mid Season (ช่วงรอยต่อของฤดูกาล) ช่วงก่อนหรือหลัง High Season เช่น ต้นฝนหรือต้นฤดูร้อน
ปรับราคาลงจาก High Season ประมาณ 10-20%
ปัจจัยด้านวันในสัปดาห์และวันหยุดพิเศษ
พฤติกรรมการจองพูลวิลล่าจะแตกต่างกันตามวันในสัปดาห์ เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์ (ศุกร์-เสาร์) มีความต้องการสูง ราคาจะสูงกว่าวันธรรมดา 15-40% วันธรรมดา (จันทร์-พฤหัส) ราคาถูกลงเพื่อกระตุ้นให้มีการเข้าพักและวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดยาว ราคาสูงขึ้น 40-70% จากวันธรรมดา
ปัจจัยด้านตำแหน่งที่ตั้ง
พูลวิลล่าในเมืองท่องเที่ยวหลัก (ภูเก็ต,พัทยา,เชียงใหม่,หัวหิน) สามารถตั้งราคาสูงได้เพราะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม ส่วนพูลวิลล่าที่อยู่ในเขตชนบทหรือห่างไกลมักต้องใช้ราคาที่ยืดหยุ่นกว่าและอาจต้องมีโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า พูลวิลล่าหรูติดทะเลหรือวิวสวยมักมีราคาสูงกว่าที่พักทั่วไป 50-100% พูลวิลล่าขนาดใหญ่ (รองรับ 10-15 คน) ราคาจะสูงกว่าบ้านพักขนาดเล็กเพราะเหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวและพูลวิลล่าที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ เช่น ซาวน่า สระว่ายน้ำวิวทะเล สามารถตั้งราคาสูงขึ้นได้
กลยุทธ์การกำหนดราคาตามฤดูกาล

การตั้งราคาพูลวิลล่าตามฤดูกาลเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถเพิ่มรายได้สูงสุดในช่วง High Seasonและลดความสูญเสียในช่วง Low Season โดยอาศัยหลัก Dynamic Pricingและการปรับตัวตามอุปสงค์ของตลาด
การตั้งราคาตามช่วง High Season Mid Season และ Low Season
ฤดูกาล | ความต้องการของลูกค้า | กลยุทธ์การตั้งราคา |
High Season (ช่วงท่องเที่ยวสูงสุด) | ความต้องการสูงมาก (อัตราการเข้าพัก 80-100%) | เพิ่มราคา 30-50%, จำกัดโปรโมชั่น, ใช้แพ็กเกจพิเศษ |
Mid Season (ช่วงรอยต่อของฤดูกาล) | ความต้องการปานกลาง (อัตราการเข้าพัก 50-80%) | ลดราคา 10-20%, ใช้โปรโมชั่นจูงใจ เช่น Early Bird |
Low Season (ช่วงที่มีความต้องการต่ำ) | ความต้องการต่ำ (อัตราการเข้าพัก 20-50%) | ลดราคา 20-50%, ใช้แพ็กเกจ Workation, Stay Longer Pay Less |
การใช้ Dynamic Pricing ปรับราคาตามอุปสงค์แบบเรียลไทม์
Dynamic Pricing หรือ การตั้งราคาปรับเปลี่ยนตามความต้องการในแต่ละช่วงเวลา เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในโรงแรมและแพลตฟอร์มจองที่พัก เช่น Agoda, Airbnb โดยอิงจาก อัตราการจองในระบบ เทรนด์ของตลาดในช่วงเวลานั้นและราคาของที่พักคู่แข่งในพื้นที่เดียวกัน เครื่องมือที่สามารถช่วยปรับราคาแบบ Dynamic Pricing ได้ ได้แก่
PriceLabs วิเคราะห์ตลาดและกำหนดราคาที่เหมาะสม Beyond Pricing ใช้อัลกอริทึมช่วยคำนวณราคาตามดีมานด์และWheelhouse ปรับราคาตามข้อมูลรีวิวและแนวโน้มของนักท่องเที่ยว
กลยุทธ์การตลาดเพื่อกระตุ้นยอดจองในแต่ละฤดูกาล

การตลาดที่ดีช่วยให้พูลวิลล่ามียอดจองต่อเนื่องตลอดปี การใช้โปรโมชั่น กลยุทธ์โฆษณาและการสร้างแพ็กเกจที่ตอบโจทย์ลูกค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มรายได้และรักษาฐานลูกค้าและดึงดูดลูกค้าใหม่ได้ต่อเนื่อง
High Season เพิ่มมูลค่าที่พักแทนการลดราคา
ในช่วง High Season หรือช่วงที่มีความต้องการเข้าพักสูง การลดราคาจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากพูลวิลล่ามีดีมานด์สูงอยู่แล้ว กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพคือการเพิ่มมูลค่าของที่พัก เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย และเต็มใจจองล่วงหน้า ใช้แพ็กเกจพิเศษเพื่อเพิ่มมูลค่า แทนที่จะลดราคาควรเพิ่มสิทธิพิเศษหรือบริการเสริมเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น รวมบริการอาหารเช้า นวดสปาและเซ็ต Afternoon Tea เสนอส่วนลดพิเศษสำหรับครอบครัวพร้อมกิจกรรมเด็ก เช่น สวนน้ำหรือสนามเด็กเล่น จัดดินเนอร์ส่วนตัวริมสระ ฟรีแชมเปญหรือดอกไม้ต้อนรับหรือรวมกิจกรรมเสริม เช่น ดำน้ำ Paddleboardingหรือทริปท่องเที่ยวในพื้นที่
Low Season ใช้โปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า
ในช่วง Low Season หรือช่วงที่มีความต้องการเข้าพักต่ำ (เช่น ฤดูฝนหรือช่วงที่ไม่มีวันหยุดยาว) การลดราคาตรงๆ อาจไม่เพียงพอ การใช้โปรโมชั่นพิเศษและแพ็กเกจที่คุ้มค่าจะช่วยกระตุ้นยอดจองและเพิ่มรายได้
ลดราคาพิเศษ&Stay Longer, Pay Less ลดราคาห้องพัก 20-50% เพื่อจูงใจลูกค้าเสนอStay Longer, Pay Less เช่น พัก3คืนจ่าย2คืน พัก7คืนลด30% พักระยะยาว (14-30 วัน) พร้อมสิทธิพิเศษ
โปรโมตแพ็กเกจ Workation & Long Stay ดึงดูดกลุ่ม Remote Workers Digital Nomadsและฟรีแลนซ์เสนอแพ็กเกจ Workation Stay รวมที่พักและอาหารมีCo-working Spaceให้ Wi-Fi ความเร็วสูง โต๊ะทำงานและZoom Call Roomมีส่วนลดพิเศษสำหรับการเข้าพัก 1 เดือนขึ้นไป
ใช้โปรโมชั่น Last-Minute Deals ลดราคาสำหรับการจองใน 48 ชั่วโมงสุดท้าย เสนอ "Rainy Season Special" ลดราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่ไม่กลัวฝน ใช้แพลตฟอร์ม OTA เช่น Agoda, Booking.com
เพื่อลดราคาแบบจำกัดเวลา
ใช้โปรโมชั่น Weekday Special (ลดราคาวันธรรมดา) ลดราคา 10-30% สำหรับวันจันทร์-พฤหัส แถม อาหารเช้าฟรีหรือเครดิตค่าอาหาร เสริมแพ็กเกจพิเศษ เช่น Weekday Retreat Package สำหรับคู่รักหรือครอบครัว
Mid Season ดึงดูดลูกค้าด้วยสิทธิพิเศษ
เป็นช่วงที่ความต้องการเข้าพักอยู่ในระดับปานกลาง (ไม่สูงเท่า High Season แต่ไม่ต่ำเท่า Low Season) เช่น ช่วงรอยต่อของเทศกาล ต้นฝนหรือต้นฤดูร้อน การกระตุ้นยอดจองในช่วงนี้ต้องอาศัย สิทธิพิเศษและโปรโมชั่นที่ดึงดูดลูกค้า มากกว่าการลดราคาโดยตรง
Early Bird Promotion กระตุ้นการจองล่วงหน้า ลดราคา 10-20% สำหรับลูกค้าที่จองล่วงหน้า 30-60 วันแถมฟรีอาหารเช้าหรือเครดิตค่าอาหาร ให้สิทธิ์เลือกห้องพักพิเศษก่อนใคร
Weekday Special เพิ่มยอดจองวันธรรมดา ลดราคาสำหรับการเข้าพักวันจันทร์-พฤหัส แถมสิทธิพิเศษ เช่น Late Check-out ฟรีมินิบาร์หรือเครื่องดื่มต้อนรับ เสนอแพ็กเกจพิเศษ เช่น Weekday Wellness Retreat รวมโยคะและสปา
Referral Program ให้รางวัลสำหรับการแนะนำเพื่อน ลูกค้าเก่าแนะนำเพื่อนมาเข้าพักรับส่วนลดหรือของขวัญพิเศษ สามารถใช้เป็นเครดิตเงินคืนหรือส่วนลดการเข้าพักครั้งถัดไป ใช้คอนเซ็ปต์ "Stay with Friends" ให้ส่วนลดสำหรับการจองแบบกลุ่ม
Family & Group Packages ดึงดูดลูกค้าแบบกลุ่ม เสนอแพ็กเกจพูลวิลล่าสำหรับครอบครัวพร้อมกิจกรรมเด็ก แพ็กเกจ Friends Getaway พร้อมบริการ BBQหรือPrivate Chef Stay More Save More จองห้องเสริมลดราคา
การปรับราคาพูลวิลล่าตามฤดูกาลในประเทศไทย

การกำหนดราคาพูลวิลล่าในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงตาม ฤดูกาลท่องเที่ยวซึ่งขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของตลาด สภาพอากาศและวันหยุดสำคัญ ช่วยเพิ่มรายได้สูงสุดในช่วงพีคและลดความสูญเสียในช่วงโลว์ซีซั่น ทำให้ธุรกิจที่พักสามารถรักษาฐานลูกค้าและสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
ช่วง High Season
ช่วง High Season (พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ สำหรับภาคเหนือ และ ธันวาคม-เมษายน สำหรับทะเล) รวมถึงวันหยุดยาวและเทศกาลสำคัญ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์และคริสต์มาส
อัตราการเข้าพักสูงถึง 80-100% สามารถตั้งราคาสูงขึ้น 30-50% จากราคาปกติ ควรใช้ Dynamic Pricing ปรับราคาตามอัตราการจอง
เพิ่มมูลค่าที่พักด้วยแพ็กเกจพิเศษ เช่น Romantic Stay หรือ Family Getaway กระตุ้นการจองล่วงหน้าผ่าน Early Bird Booking พร้อมส่วนลด 10-15%
ใช้กลยุทธ์ Limited Availability แจ้งจำนวนห้องพักที่เหลือจำกัดเพื่อเร่งการตัดสินใจเพิ่มรายได้สูงสุดในช่วงที่มีความต้องการสูง
ช่วง Mid Season
ช่วงก่อนหรือหลังเทศกาลสำคัญ เช่น กุมภาพันธ์-เมษายน (หลังปีใหม่) และ กันยายน-ตุลาคม (ก่อน High Season) โดยอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 50-80% ดีมานด์ลดลงเล็กน้อยแต่ยังมีลูกค้ากลุ่มที่ต้องการพักผ่อน
ในช่วงนี้ควรปรับราคาลง 10-20% จาก High Season เพื่อให้ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น พร้อมใช้โปรโมชั่น Weekday Special ลดราคาสำหรับการเข้าพักวันธรรมดา 10-30%
กระตุ้นการจองผ่าน Referral Program โดยให้ลูกค้าเก่าแนะนำเพื่อนได้รับส่วนลด นอกจากนี้ ควรเสนอแพ็กเกจกลุ่ม (Friends & Family Deals) เพื่อดึงดูดลูกค้าที่มาเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน
ตัวอย่างราคา Mid Season พูลวิลล่าหรู วันธรรมดา 12,000 บาท / วันหยุด 18,000 บาท หรือ พูลวิลล่าขนาดกลาง วันธรรมดา 6,500 บาท / วันหยุด 12,500 บาท
ช่วง Low Season
เป็นช่วงที่อัตราการเข้าพักลดลง 20-50% เนื่องจากสภาพอากาศ เช่น ฤดูฝน (มิถุนายน-กันยายน) สำหรับทะเลและเกาะ อยู่ในช่วงต้นฝน-ต้นฤดูร้อน (พฤษภาคม-มิถุนายน) สำหรับภาคเหนือ
สามารถดึงดูด Workation, Digital NomadsและLong Stayได้ ควรลดราคาพิเศษ 20-50% พร้อมโปรโมชัน Stay Longer, Pay Less เช่น "พัก3คืนจ่าย2คืน" หรือ "พัก7คืนลด30%"
เสนอ แพ็กเกจWorkation Stay ที่รวมWi-Fi อาหารและCo-working Space เพื่อดึงดูดกลุ่มคนทำงาน รวมถึง Last-Minute Deals สำหรับการจองกระชั้นชิด
การขยายตลาดผ่าน OTA (Agoda, Booking.com) และ Social Media Ads จะช่วยเพิ่มการมองเห็นและกระตุ้นยอดจอง
ตัวอย่างราคา Low Season พูลวิลล่าหรู วันธรรมดา 8,000 บาท / วันหยุด 12,000 บาท พูลวิลล่าขนาดกลาง วันธรรมดา 4,900 บาท / วันหยุด 8,900 บาท
สรุป
การกำหนดราคาพูลวิลล่าตามฤดูกาลเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มรายได้สูงสุดช่วง High Seasonและลดความสูญเสียช่วง Low Season ด้วยหลักการ Dynamic Pricing ปรับราคาตามอุปสงค์ อัตราการเข้าพักและคู่แข่งแบบเรียลไทม์ ตั้งราคาแยกตามช่วง High, Mid และ Low Season เสริมด้วยโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าในช่วง Low Season เช่น Stay Longer Pay Less หรือ Workation Packageและสร้างแพ็กเกจเสริมช่วง High Season แทนการลดราคา พร้อมทั้งร่วมมือกับแพลตฟอร์ม OTA อย่าง Airbnb และ Agoda เพื่อเพิ่มโอกาสในการจอง กลยุทธ์นี้ช่วยสร้างรายได้สม่ำเสมอตลอดปีและเพิ่มกำไรสูงสุด
コメント